Appearance-Emptiness : ในรูปมีความว่าง ในความว่างมีรูป

บทความโดย วรวีณ


ปรัชญาปารมิตากล่าวไว้ว่า
“รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป”

ทั้งสองเป็นสภาวะที่เอื้ออิงอาศัยกัน
เมื่อไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศได้
เราจึงไม่สามารถยึดจับตัวตนใดใดอันเที่ยงแท้ได้เลย

ดอกไม้ในวันนี้
คือแสงแดดในเมื่อวาน
กลับกลายเป็นซากขยะในวันพรุ่งนี้
และอาจเป็นมหาสมุทรในเดือนถัดไป

สำหรับฉันแล้ว โจทย์ใหญ่สุดในชีวิตนี้
คงเป็นการตระหนักรู้และดำรงอยู่อย่างถ่องแท้
ในความว่างของตัวตน
ในการไม่มีสิ่งใดให้พึ่งพิง ให้ยึดมั่น
ว่ามันจะยังคงอยู่
ในทุกสรรพสิ่ง ทั้งบุคคลอันเป็นที่รัก
และตัวของเราเอง

ในมุมหนึ่งการยึดจับอะไรไม่ได้อาจดูน่าสั่นคลอน
ทว่าความตระหนักรู้นี้
กลับนำไปสู่การอ้าแขนเปิดรับชีวิตในทุกสถานการณ์
เมื่อเป็นความว่าง จึงกำเนิดความเป็นไปได้ในทุกรูปแบบ
ให้เราได้พิจารณา เข้าไปสัมพันธ์
ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
และรอให้มันคลี่คลาย

ปรากฏขึ้น
ดำรงอยู่ ณ ชั่วขณะ
แล้วเลือนลับไป

ความไม่มีอะไรที่แฝงไปด้วยการมีอยู่ของทุกสิ่งนี้
สะท้อนถึงความลื่นไหลของชีวิต
เป็นการปรากฏพร้อมและดำรงอยู่ในกันและกัน
เมื่อพบตัวเองในสภาวะที่ปราศจากเส้นแบ่งระหว่างการมีอยู่-ไม่มีอยู่

ขอบเขตที่กั้นขวางตัวเรากับสิ่งรอบข้างก็เริ่มเจือจาง
แล้วเราก็สัมผัสถึงความโอบอุ้ม ไพศาลยิ่งใหญ่
ราวกับมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในมหาสมุทรของสรรพชีวิต
ทั้งกว้างขวาง และลึกสุดประมาณ
ราวกับมีชีวิตอันเต็มเปี่ยมอยู่ในจักรวาล ที่ขยายออกไปอย่างไม่สุดสิ้น

เมื่อนั้น เราสัมผัสได้ถึงความรัก
ที่ไม่กำหนดว่าใครคือฉันและเธอ
เมื่อนั้น เราสัมผัสได้ถึงการหลอมรวม
ในทุกเหตุการณ์ ทุกการกระทำ และอารมณ์ความรู้สึก
ซึ่งเราทั้งหมดล้วนเป็นการปรากฏ
ของความว่างอันแสนรุ่มรวย