สำนึกของดอกไม้ : การแสดงตน และร่ายรำในพื้นที่ว่าง

บทความโดย KONG วัชรสิทธา

ในฐานะอดีตนักเรียนศิลปะคนหนึ่ง​ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจทางศิลปะผ่านการเรียนในสถาบันและประสบการณ์ทางโลกศิลปะมาแบบนึง ​เมื่อได้มีโอกาสร่วมคลาสเรียน​ “ดอกไม้สื่อใจ ขั้น​ 1”​ ในเดือนกุมภา ฯ ที่ผ่านมา​ ชั้นเรียนดังกล่าวว่าด้วยแนวทางของศิลปะการจัดดอกไม้แบบ​ “อิเคบานะ”​ ควบคู่ทั้งทางด้านเนื้อหาทฤษฎีและการปฏิบัติ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์​ทางศิลปะที่เคยมี ชนิดที่ว่าพลิกผันมุมมองเชิงศิลปะ​-ทัศนศิลป์จากประสบการณ์ที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

ในโลกของงานศิลปะ​ ตัวผลงานโดยทั่วไปมักจะมี​แนวความคิด​ หรือข้อความที่ต้องการสื่อสารให้ผู้ชม​ได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศิลปะที่เน้นการใช้ความคิดเพื่อสื่อสารทัศนคติ ความเชื่อ หรือหลักปรัชญาบางประการ ก่อนที่จะออกผลสำเร็จมาเป็นชิ้นงานจริงนั้น​ จำต้องผ่านการร่างแบบ​ คัดสรร​สื่อและวัตถุดิบที่ต้องการ การคำนึงถึงหลักองค์ประกอบศิลป์​ ฯ เพื่อให้สอดรับกับแนวความคิดที่ต้องการสื่อสารออกไป​ ซึ่งในหลายต่อหลาย​ครั้ง ​ท่าทีดังกล่าวมักมีแนวโน้มของการ​ “ยัดเยียดความคิดของผู้สร้างสรรค์แก่ผู้ชมอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ทั้งนี้​เพื่อให้เกิดการคล้อยตามความคิดของผู้สร้างสรรค์โดยใช้งานศิลปะเป็นสื่อกลางในการรับใช้ concept ที่ต้องการส่งต่ออีกทอดหนึ่ง ผ่านความชำนิชำนาญทางการจัดการเชิงศิลปะ


ในขณะที่เริ่มศึกษาการจัดดอกไม้อิเคบานะ​ มีความเป็นได้อย่างใหม่เกิดขึ้นเป็นหน่ออ่อน​ ๆ ซึ่งเริ่มแตกยอดแทรกผ่านความเข้าใจทางศิลปะแบบเดิมออกมา ทั้งทางด้านรูปแบบการเรียนที่ถือเป็นประสบการณ์อย่างใหม่สำหรับตัวผู้เขียน เพราะเป็นการศึกษาศิลปะแขนงนึงซึ่งจัดอยู่ในหมวด tradition อันมีปูมหลังทางวัฒนธรรมมาอย่างเข้มข้น มีพัฒนาการทางด้านรูปแบบและปรัชญามาอย่างยาวนาน ทว่ายังคงสามารถแสดงสุนทรียะในแนวทางของตนได้อย่างสง่างามและเป็นสากล จุดพลิกผันสำคัญซึ่งถือเป็นกุญแจในการไขสู่ความเข้าใจปรัชญาทางศิลปะประเภทนี้คือ การเปิดนิยามต่อมุมมองของ​ “ความก้าวร้าว” ซึ่งในที่นี้ไม่ใช่การแสดงออกที่ดูรุนแรง​ เช่น​ การใช้กำลัง​ หรือ​ อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง​ เสมอไป​ หากคือแนวทางที่เราตีกรอบความคิด​ วางแผนสิ่งต่าง​ ๆ​ ไว้อย่างชัดเจน​ การตั้งจินตภาพในหัว​เบ็ดเสร็จ การตัดสินล่วงหน้า​ ฯ ซึ่งแง่มุมต่าง ๆ ข้างต้นเหล่านี้คืออะไรที่เราไม่เคยตระหนักเลยด้วยซ้ำว่าคือ “ความก้าวร้าว” นั่นเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันต่างแฝงอยู่ในกระบวนการทาง “ศิลปะ”

“เส้นทางคือจุดหมาย” 

หน่ออ่อนดังกล่าวได้ถูกบ่มเพาะให้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย​ ๆ​ ผ่านการศิลปะการจัดดอกไม้​ โดยมีหลักสำคัญสำหรับการตั้งต้นอยู่ที่​ “วินัย​ 14​ ขั้นตอน” เพื่อผ่านเข้าสู่บานประตูของโลกศิลปะจัดดอกไม้อิเคบานะ (เช่น​ การดูสถานที่​ การยืนภาวนา​ 1​ นาที​ เพื่อปล่อยวางความคิดเกี่ยวกับการจัดดอกไม้​ การพินิจดอกไม้-แจกัน​ ไปจนจบขั้นตอนที่การชื่นชมความงาม)​ การตั้งต้นที่ขั้นตอนทางวินัยดังกล่าวนี้ถือเป็นภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การเคารพ ทั้งนี้เพราะเราต่างก็มีสิ่งที่สั่งสมมาต่างกัน ทั้งทางด้านแบบแผนความคิด ความรู้ ประสบการณ์ และสิ่งละอันพันละน้อยต่าง ๆ ดังนั้น​ หลักคิดของ “วินัย 14 ขั้นตอน” นี้เองจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราละวางสิ่งต่าง ๆ ดังว่านั้นไว้ในที่ทางของมัน​ ทั้งก่อน-ในขณะ-และหลังการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อช่วยส่งเสริมการแปรเปลี่ยนแบบแผนของ “ความก้าวร้าว​” สู่ “ความอ่อนโยน​​” เพื่อลด​ ละ​ ความคิดและการคาดเดา​ ประสบการณ์​ต่าง​ ๆ​ ที่เคยมีต่อการจัดดอกไม้​ การมีใจฝักใฝ่เลือกเฉพาะดอกที่เราพึงใจ​ การตัดสินล่วงหน้า ความคาดหวังต่อตัวงาน​ ความกลัวว่าจะทำไม่ได้ดี ฯลฯ​ ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อให้เราได้เปิดออก​ และสามารถกระทำการโดยสัมพันธ์กับปัจจุบันขณะในแต่ละกระบวนการอย่างเปิดกว้างโดยธรรมชาติในฐานะเส้นทาง​ ซึ่งก็คือจุดหมายในขณะเดียวกัน 

ภาพวาดลายเส้นผลงานสาธิตหลักการ​ ฟ้า​ ดิน​ มนุษย์​ ผลงานจัดดอกไม้โดย​ อ.​ ดิเรก​ ชัยชนะ

ฟ้า​-ดิน​-มนุษย์

​เมื่อผ่านการเรียน-สร้างสรรค์ผลงาน​ผ่านพัฒนาการของอิเคบานะในหัวข้อต่าง​ ๆ​ มาพอสมควรแล้ว​ ในที่สุดก็มาถึงปรัชญาการจัดดอกไม้แห่งสำนัก​ Kalapa​ Ikebana​​ ซึ่งมีวิถีทางปรัชญาที่พัฒนาขึ้นมาผ่านสายธรรม​Shambhala​ โดย​ ตรุงปะ​ รินโปเช​ ชัมบาลาคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์​ โลกของผู้ตื่นรู้​หรือสังคมอริยะ​ที่ทุกคนต่างดำรงตนอยู่ในสังคมและสัมพันธ์กับโลกแห่งปรากฏการณ์ด้วยพุทธภาวะเดิมแท้ภายใน แนวคิดที่ว่านำมาสู่ปรัชญาทางศิลปะแบบ​ “ธรรมศิลป์”​ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายให้ผู้สร้างสรรค์และผู้ชมเข้าถึงสภาวธรรมได้​ ผ่านการทำงานศิลปะ​และถ่ายทอดสภาวะของ “ความดีงามพื้นฐาน”​ (Basic​ Goodness)​ ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคนนั้นออกมา

*​ เรียนรู้แนวคิด “ธรรมศิลป์”​ เพิ่มเติมได้ใน “รู้เห็นเป็นธรรม”​

สำหรับการจัดดอกไม้อิเคบานะของสำนัก​ Kalapa​ นั้น​ มีหลักการสร้างสรรค์ผลงานที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่​ คือ​ หลักการ​ “ฟ้า​ ดิน​ มนุษย์”​ โดยสามารถอธิบายคร่าว​ ๆ​ ได้ดังนี้

  • ฟ้า​ แทน​ “กิ่งหลัก” (กิ่งแรก) ทำหน้าที่เป็น​ vision ของงาน​ เปิดพื้นที่ว่าง​ (space)​ หรือความเป็นไปได้ต่าง​ ๆ​ ที่จะถือกำเนิดขึ้นในพื้นที่ว่างนับจากนี้ เปรียบได้เป็นเฟรมผ้าใบว่างเปล่า
  • ดิน​ แทน​ ​สิ่งแรกที่ผุดขึ้นบนพื้นที่ว่าง มีเซนส์ของความ grouding ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เชื่อมโยงลงสู่เบื้องล่างของผืนดิน เปรียบได้กับรูปร่างหรือรูปทรงที่ปรากฎบนผืนผ้าใบ 
  • มนุษย์​ แทน สิ่งที่ตามมาหลังจาก ดิน-ฟ้า ได้ปรากฏขึ้น​ เป็นความรื่นรมย์ของชีวิตที่ผุดขึ้นบนโลกเพื่อเล่นล้อไปกับสองสิ่งแรก​ เป็นแง่มุมของการชื่นชมในความงามและการเชื่อมโยงฟ้ากับดินเข้าสู่กัน ซึ่งในศิลปะอิเคบานะ​ มนุษย์ก็คือ​ ดอกไม้​ นั่นเอง

ภาวนากับร่างกายสู่ผืนดิน (Yin Breathing)

สิ่งหนึ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษสำหรับการเข้าร่วมชั้นเรียนนี้​ คือ​ การทำ​ bodywork​ คั่นระหว่างกิจกรรม​ เป็นการภาวนาแบบ Yin-Breathing เพื่อเชื่อมโยงกับ “จุดหยิน” บริเวณท้องน้อย​ โดยเน้นการ​ grouding ลงสู่ผืนดิน​ เป็นคุณลักษณะของพลังงานสตรี​ และมีความเชื่อมต่อกับร่างกายส่วนล่าง​ ไม่เน้นความคิด​ (ซึ่งเป็นส่วนบน)​ จุดหยินนี้มีความสัมพันธ์กับ​ root chakra ซึ่งเชื่อมโยงกับผืนโลก​ ความรู้สึกได้รับการโอบอุ้บและความรู้มั่นคง​ โดยในการภาวนาจะค่อย​ ๆ​ ใช้ลมหายใจแตะสัมผัสกับจุดหยิน​ รับรู้ถึงการมีอยู่ของพลังงานส่วนนี้อย่างละเมียดละไม​ มากขึ้นและมากขึ้น​ แล้วปล่อยให้ร่างกายมี​เซนส์ของการจมลงสู่พื้นดิน​ ลึกขึ้น ลึกขึ้น และลึกขึ้นจนไม่อาจหยั่งประมาณ​ สำรวจลักษณะของ​ Space​ ที่เราเข้าไปสัมพันธ์ด้วย​ รวมทั้งการสำรวจขอบเขตของร่างกายและลองแผ่ขยายขอบเขตนั้นออกมา​ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ​ แล้วพากลับมาสู่ปัจจุบันขณะที่สดใหม่​ คมชัด​ ยิ่งขึ้น

หลังจบเซสชั่นการภาวนา bodywork นี้แล้ว รู้สึกว่าส่งผลเป็นอย่างมากต่อการที่จะปฏิบัติงานสร้างสรรค์ต่อไป​ เพราะเมื่อการจัดดอกไม้นับตั้งแต่ช่วงเช้า​ได้ผ่านไป​ 3-4​ กระถาง​ แบบแผนทางความคิดจะเริ่มแทรกตัวเข้ามาโดยไม่รู้ตัว​ เช่น​ การเริ่มรู้จัก-คุ้นตาดอกไม้และกระถาง​​ การได้เห็นงานตัวเองและเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ความคาดหวัง การวิเคราะห์เปรียบเทียบ ฯ อันนำไปสู่การวางแผน​ สร้างภาพในใจ​ และความคิดเกี่ยวกับความงาม-ไม่งาม ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินล่วงหน้า ณ จุดนี้เองที่แง่มุมของ “ความก้าวร้าว” ได้แทรกซึมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ทว่า Yin-Breathing จะช่วยให้เราตระหนักรู้ในส่วนนั้นได้แล้วปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายกลับสู่ที่ทางของมัน

ภาพวาดบันทึกผลงานจัดดอกไม้ของผู้เขียนในห้อง​ Hri : Dakini Space

ดิน-ฟ้า (ธรรมชาติ) ก็มีแปรปรวน

เมื่อเข้าสู่วันที่สองของการเรียน โจทย์ของการสร้างผลงานก็จะเริ่มท้าทายมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการทำงานกับดอกไม้และแจกันแล้ว ปัจจัยเรื่องพื้นที่ก็ได้ถูกเสริมเข้ามา เพื่อให้การจัดดอกไม้นั้นมีความเชื่อมโยงกับ space ที่ต้องเข้าไปสัมพันธ์ด้วยโดยใช้ดอกไม้และกระถางเป็นสื่อ จากภาพตัวอย่างผลงานเป็นโจทย์ของการทำงานในวันสุดท้ายและชิ้นสุดท้ายของชั้นเรียน โดยเราจับฉลากได้ห้องโถงกิจกรรม “หรีะ” หรือ Dakini Space ด้วยตัวพื้นที่นั้นกว้างใหญ่และใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงงานดนตรี 

หลังจากผ่านการจัดดอกไม้มาสองวัน เราพยายามวางความคิดและความคาดหวังลง ซึ่งพอดีจังหวะกับเซสชันการภาวนาแบบ​ Yin Breathing ที่ได้กล่าวถึงข้างต้น​ ​มาคั่นระหว่างกิจกรรมก่อนจะเริ่มงานชิ้นสุดท้ายนี้พอดี​ ดังนั้นการเผชิญความท้าทายใหม่​ ๆ​ ที่ซึ่งความกลัวและความคาดหวังได้เจือจางลง​ก็ดำเนินต่อไป เริ่มจากการเดินสำรวจพื้นที่​-แท่นวาง​ และมาเลือกกระถาง​ โดยใช้กระถางที่ตลอดมาเราหลีกเลี่ยงเสมอ ซึ่งจัดอยู่ในหมวด “กระถางทรงแปลก” และเข้าสู่ความ unknown ของพื้นที่ ตลอดการปฏิบัติงานชิ้นนี้ราว 30-40 นาที ปัญหาต่าง ๆ ก็เริ่มถาโถม แม้จะพอคาดเดาล่วงหน้าไว้บ้างแต่ก็ดูจะเหนือกว่าที่คาด เราเริ่มงานด้วยการใช้กิ่งแห้งแทนฟ้าเพื่อเปิด space ด้านบนให้ดูโปร่งโล่ง ทำงานไปกับหลักการ ฟ้า-ดิน-มนุษย์ ที่เพิ่งได้ร่ำเรียนมา ใช้ดอกและใบที่ไม่คุ้นเคยรวมทั้งสีโทนร้อนของดอกไม้ที่เรามักจะหลีกหนี เวลาผ่านเรื่อยไป เราทำงานกับข้อจำกัดของกระถางและของกิ่ง ใบ ดอก เมื่อเวลาผ่านไปเลยครึ่งทาง อาจารย์ผู้สอนที่เคารพเดินมาดูขณะเราจัดและถามว่า “เราต้องการให้เห็นด้านนี้ใช่ไหม? ด้านนี้เป็นด้านหลังของกระถางนะ” !? ทันใดนั้น แบบแผนทุกอย่างก็พังครืน เราแทบจะต้องรื้อทุกอย่างใหม่หมด สิ่งต่าง ๆ ใด ๆ ที่วาดหวังไว้ต้องมีอันแปรเปลี่ยนไปด้วยเวลาที่ยิ่งกระชั้นเข้ามา 

ด้วยสถานการณ์เช่นว่านี้เองทำให้เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำให้สำเร็จในเวลาที่กำหนด เมื่อแยกส่วนต่าง ๆ ออกจากกันและเรียบเรียงใหม่ เราหยิบ ตัด ปัก ไปอย่างรวดเร็ว จัดวาง ปรับแต่งตามสมควร และปล่อยให้กิ่ง ใบ ดอก สื่อสารออกมาผ่านข้อจำกัดต่าง ๆ ด้วยการหาสมดุลของปัจจัยนานัปการ ณ ขณะนั้น ทั้งของภาพรวมผลงานเมื่ออยู่ในพื้นที่ ของเวลาอันน้อยนิด ของกระถาง (ไม่ให้ล้ม) ของเส้น-สี ของดอก กิ่งและใบ และละความหวังตั้งใจไว้ในที่ทางของมัน น่าแปลกใจ การจัดดอกไม้กระถางนี้ผลลัพย์กลับกลายออกมาในทางที่ดีและน่าประทับใจหลังได้รับ feedback จากอาจารย์และเพื่อน ๆ ดีกว่าหลายกระถางก่อนหน้าที่เราดูจะตั้งใจและมีเวลาให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ การทำงานกับพื้นที่นี้นับเป็นบทเรียนที่เข้มข้นมากสำหรับเราในชั้นเรียนครั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ที่สืบเนื่องมาทำให้เราต้อง ละ วาง ปล่อย อย่างแท้จริง สถานการณ์ที่ดำเนินไปมีส่วนทำให้เราต้องสัมพันธ์กับพื้นที่และดอกไม้ด้วยความเป็นไป ณ ขณะนั้นจริง ๆ นั่นอาจเป็นเหตุให้ “ความคิด” เบาบางลงโดยปริยาย เมื่อนั้นพื้นที่ของ “ใจ” (space) ก็ว่างโล่งขึ้น เป็นเหตุให้เราได้สื่อสารกับพืชพันธุ์ด้วยความซื่อตรง แม่นยำ ชัด ลึก ยิ่งขึ้น 

กระบวนการระหว่างการปฏิบัติงานอันทุลักทุเลและไม่อาจเดาทางได้นี้ในตัวมันเองก็คงคลับคล้ายการร่ายรำของเหล่าฑากินีบนท้องฟ้า  เมื่อเราสื่อสารกับพื้นที่ผ่านดอกไม้ พื้นที่ก็ดูเหมือนจะสื่อสารกับเราดุจเดียวกัน

เหมือนตอนที่กลับไปถ่ายผลงานชิ้นนี้ กลีบดอกสีส้มในวงรีกลีบหนึ่งก็ร่วงหล่นลงตรงหน้างาน ดังคำทักทายของพื้นที่

ภาพวาดลายเส้นแสดงการเริงรำระหว่าง​ มนุษย์​ พืชพันธุ์​ และพื้นที่ว่าง​ (ฟ้า​ ดิน​ มนุษย์)​

“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนยอมรับได้ ทั้งใน อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต” 

ประโยคหนึ่งของ อ.เชค (ดิเรก ชัยชนะ) ในช่วงท้ายของชั้นเรียนวันที่สอง 

ในความเข้าใจของผู้เขียนคือ สภาวการณ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นที่ต้อนรับเข้ามาให้เราได้สัมผัส-สัมพันธ์ หากเราสามารถกระทำการไปกับปัจจัยต่าง ๆ ด้วยสภาวะของความเปิดกว้างมากพอ “ความก้าวร้าว” ก็ย่อมแปรเปลี่ยนไปสู่ “ความอ่อนโยน” ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วสำนึกของเรากับสำนึกของดอกไม้ก็อาจพบบรรจบกันตรงนั้นเอง

แล้วพบกันอีกใน “ดอกไม้สื่อใจ ขั้น 2”