ตามหาปัทมคาระ (ตอนที่1) : “มาพะงันเพื่อภาวนา”

บทความโดย TOON วัชรสิทธา [คณพล วงศ์วิเศษไพบูลย์]


การเดินทางไปเกาะพะงันใช้เวลามากกว่าที่คิด ดูจากตั๋วที่จองผ่านสายการบินแล้ว บวกลบระยะเวลาการเดินทางทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง เครื่องบินออกจากสนามบินดอนเมือง ราว 12.30 น. ถึงสุราษฎร์ช่วงบ่ายสอง หยิบสัมภาระ ซื้อขนมเครื่องดื่ม กันแปปเดียว รถตู้ไปท่าเรือก็มารับถึงสนามบิน เราเดินทางกันต่ออีกครั้งจนได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรกของวัน จากนั้นก็นั่งรอเรือเพื่อเดินทางเที่ยวสุดท้ายเพื่อไปเกาะพะงันตอนหกโมงเย็น

หากนับตั้งแต่ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง แลนดิ้งที่สนามบินสุราษฏ์ธานี จากนั้นนั่งรถตู้ต่อไปเพื่อลงท่าเรือดอนสัก แล้วจึงขึ้นเรือเฟอร์รี่มุ่งหน้าสู่เกาะพะงัน เรียกว่านั่งได้มีโอกาสนั่งยานพาหนะครบทุกรูปแบบ

พี่ชนินทร์ สามีของพี่ปันดา คู่รักเจ้าของธุรกิจบ้านพักและร้านอาหารบนเกาะพะงัน ที่ซึ่งเราจะเดินทางไปพัก ได้เล่าให้พวกเราฟังภายหลังว่า การที่ต้องใช้เวลานานเพื่อเดินทางมาเกาะพะงัน จริงๆ แล้วก็มีข้อดีในตัวเองเหมือนกัน เพราะมันมอบเวลาให้เราค่อยๆ จูน ตัวเองออกจากความเป็นเมือง ผ่านช่วงเวลาแห่งความเวิ้งว่างบนท้องทะเล ความเบื่อ ความว่าง ราวกับว่าเป็นช่องว่างในความต่อเนื่องของประสบการณ์ ก่อนที่เราจะได้ก้าวสู่วงจรแบบใหม่ของความเป็นเกาะ


เมื่อถึงเกาะ รถตู้ญี่ปุ่นคันเก่าของพี่ชนินทร์ก็มารับที่ท่าเรือ เวลาตอนนั้นราวสองทุ่มครึ่ง หมุดหมายแรกที่เราไปจึงเป็นร้านอาหารเพื่อซื้อเสบียงไปกินกันที่บ้านพัก บ้านพักที่พวกเรา 6 ชีวิต จะใช้พักผ่อนต่อไปอีก 7 วัน มีชื่อว่าบ้านภาวนา เป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุไม่น้อยกว่า 70 ปี ชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจจากศูนย์ปัทมคาระ ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาวะและชุมชนภาวนาของมูลนิธิวัชรปัญญากำลังจะเกิดขึ้นบนที่ดินละแวกเดียวกันกับบ้าน ใกล้ขนาดว่าเดินไปเพียง 10-15 นาทีก็ถึง จึงเหมาะที่จะมีชื่อล้อไปกับเจตจำนงของปัทมคาระ ราวกับว่าเป็นอาคารภายใต้มณฑลเดียวกัน

เราล้อมวงนั่งกินข้าว นั่งฟังพี่ชนินทร์กับปันดาเล่าเรื่องราวในช่วงปีที่ผ่านมาของพวกเขา เกาะพะงันต้อนรับพวกเราด้วยเรื่องเล่าของชีวิตของคนบนเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง ไม่อาจควบคุมได้ มันจึงมีสีสันเฉพาะตัว สุข ทุกข์ เศร้า อาลัย และความเหน็ดเหนื่อย ทั้งหมดแทรกตัวอยู่ในชีวิตของคนทั้งสองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่ออิ่มท้องเราก็นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันต่อครู่นึง แล้วพี่ชนินทร์กับปันดาก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน คณะเราจัดสรรห้องหับกัน แล้วแยกย้ายกันไปเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับ 7 วันที่เหลือ ก่อนหลับตาลง เตือนใจตัวเองอีกครั้งว่า มาพะงันครานี้เรามาเพื่อภาวนา