Gangubai Kathiawadi : จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของผู้ถูกกดขี่

บทความโดย อันอัน วรวรรณ

ที่มาภาพ : ragalahari.com

ในช่วงเวลานี้ หนังเรื่องไหนก็คงจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างและสร้างกระแสได้มากเท่ากับเรื่องราวของ “คงคา” หญิงสาวชาวอินเดียที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงแต่ชีวิตกลับตาลปัตร ถูกคนรักของเธอหลอกมาขายในซ่องที่ Kamathipura ที่เป็นแหล่งผู้หญิงหากินที่ดังที่สุดของอินเดีย ชีวิตของเธอเปลี่ยนผันในชั่วข้ามคืน จากหญิงในครอบครัวผู้มีอันจะกินกลายมาเป็นโสเภณีหาเช้ากินค่ำ ต้องขายเรือนร่างและศักดิ์ศรีของตนที่ถูกย่ำยีไปทุกวันๆ

เมื่อดูละครและมองย้อนกลับมาดูตน เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยวาดหวังเอาไว้พังทลายลง  เมื่อชีวิตโน้มเราลงมาให้เราได้มีโอกาสสัมพันธ์กับชีวิตอีกด้านที่เป็นชีวิตจริงๆ ที่ตกต่ำและมีความทุกข์ เราจะทำอย่างไรถ้าชีวิตมาถึงจุดนั้น เราเลือกจะถอยทัพหรือยอมรับในโชคชะตาของตน แล้วก็ทำมันให้ดีที่สุดตามและที่ชีวิตได้ลิขิตมาก่อนแล้ว

ที่มาภาพ : Youtube

“เธอรู้มั้ย อาชีพใดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ‘โสเภณีไงล่ะ’ ไม่มีพวกเรา สวรรค์ก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้ แน่นอนเรามีศักดิ์ศรีมากกว่าพวกคุณแน่ๆ พวกคุณเสียศักดิ์ศรีครั้งเดียวก็หมดไป แต่เราขายมันทุกๆคืนแต่ก็ไม่มีวันหมด แล้วเรายังเป็นผู้หญิงทีซื่อตรง ไม่ว่าใครมาที่หน้าบ้านเรา เราก็รับทุกคน เราไม่ตัดสิน เราไม่ถามว่าเค้าวรรณะอะไร เราไม่แบ่งแยกพวกคุณ ทำไมพวกคุณแบ่งแยกพวกเรา”

สิ่งที่ Gangubai เป็น ทำให้อดนึกถึงสิ่งที่เปาโล เฟรเร ผู้เขียนหนังสือ “การศึกษาของผู้ถูกกดขี่” ที่ได้กล่าวไว้ว่า..

“..สภาพสังคมที่ขัดแย้งก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในใจ การใช้อำนาจในสังคม เสียงที่กดทับเรา การทำงานกับตัวตนของผู้กดขี่ เราต้องมี Virtue of Tolerance มีความอดทนอดกลั้น แต่การอดทนอดกลั้น ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้เราต้องลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ลง แต่เป็นการตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างกัน โดยที่ไม่สูญเสียตัวเองท่ามกลางความขัดแยัง การยกระดับจิตสำนึกอย่างไรให้ไปสู่ความเท่าเทียมกันทางอำนาจ..”

ในหนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็น ผู้ถูกกดขี่ คือโสเภณีที่ ใช้ทั้งความอดทนอดกลั้น แต่ไม่ยอมให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ของพวกเธอลดลง Gangubai ไม่เคยปิดบังอาชีพของตนเอง ในทางกลับกัน เธอแนะนำให้คนอื่นรู้จักว่าตนเองเป็นโสเภณี และมีเกียรติและศักดิ์ศรีเทียบเท่าอาชีพอื่นๆ เธอได้ดึงอำนาจนั้นกลับมาด้วยการยอมรับและตระหนักถึงคุณค่าในตัวเอง

ที่มาภาพ : Youtube

ทั้งฉากที่โรงเรียนในละแวกนั้นพยายามที่จะไล่โสเภณีออกไปจาก Kamathipura เพราะมองว่าเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เด็กๆ ลูกหลานที่เกิดจากโสเภณีก็จะไม่สามารถไปเข้าโรงเรียนดีๆ เพื่อได้รับการศึกษาที่ดีได้ เพียงเพราะว่าสังคมแบ่งแยกและกดขี่ให้โสเภณีเป็นคนอีกวรรณะหนึ่ง หรือเรียกว่าไม่มีวรรณะก็ว่าได้ เป็นชนชั้นที่โดนรังเกียจเดียดฉันท์ในมนุษย์ด้วยกันว่าเป็นอาชีพชั้นต่ำและนำความเสื่อมเสียมาให้แก่วงศ์ตระกูล

ที่มาภาพ : Youtube

มีฉากหนึ่ง ตอนที่นางไปพูดที่งานสิทธิสตรีพร้อมผู้นำคนอื่นๆ พิธีกรไม่สามารถใส่คำนำหน้าชื่อให้เธอได้ เพียงเพราะเธอเป็นโสเภณี เธอกล่าวว่า..

“ทุกคนมีอาชีพ เป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นครู ทุกคนมีสิ่งที่ต้องขาย บางอาชีพขายความฉลาด ความชำนาญในงาน โสเภณีก็ขายร่างกาย ผิดตรงไหน ผู้ชายมาหาเรา…

…เราเป็นเสียงให้นักการเมือง เป็นกองเงินให้กับตำรวจ เป็นเสื้อหนาวห่มคลุมกายให้กับผู้ชาย แล้วกับผู้หญิงล่ะ เราให้ความพึงพอใจกับผู้ชายและปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง อาชีพไหนก็ภูมิใจได้”

ในโลกของความแบ่งแยก ชีวิตมีสองด้านเสมอ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ดีหรือเลว ผู้กดขี่หรือผู้ถูกกดขี่ ชีวิตของคนเราย่อมหนีไม่พ้นการเป็นสองด้านของเหรียญ ทั้งด้านวิปลาส และด้านมีมโนสำนึก โลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับภาพจำลองของสังสารวัฏที่พอโลกการรับรู้ของเราแบ่งเป็นสองด้าน เราก็พร้อมจะแบ่งแยกคนอื่นเสมอ เราแบ่งพวกเขาพวกเรา เราแบ่งอาชีพการงานตามสถานะของสังคม เราแบ่งสังคมที่เราอยู่นี้ด้วยโครงสร้างของอำนาจที่แต่ละคนมี การแบ่งแยกก่อกำเนิดสังสารวัฏไปเรื่อยๆ เราดูถูกคนอื่นเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้น หรือเรายกย่องคนอื่นก็เพื่อทำให้เรารู้สึกดียิ่งขึ้น สังสารวัฏก็คงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่เราสร้างมันขึ้นมานั่นเอง

ที่มาภาพ : cinestaan.com

Gangubai กล่าวไว้ใน speech ตอนที่เธอได้รับเลือกเป็น President ของ Kamathipura ไว้ 3 อย่าง

ประการแรก ถ้าผู้คนคิดว่าเราไม่สุจริตใจ ก็ไม่เป็นไร แต่ทำงานที่ไม่สุจริตนี้ให้มันสุจริตอย่างที่สุด

ประการที่สอง ดอกไม้โดยธรรมชาติคือกลิ่นหอม ไม่ว่าจะอยู่ในวัด หิ้งบูชาหรือในซ่อง หรือหลุมฝังศพ จงกระจายกลิ่นหอมฟุ้งของเธอออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ในกลิ่นหอมที่เป็นแบบเฉพาะของเธอ

ประการที่สาม จงใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ผู้หญิงเป็นร่างทรงของพลังความร่ำรวยและความเฉลียวฉลาด จงใช้พลังของผู้หญิงอย่างเต็มที่

จากหญิงสาวผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง ชีวิตของเธอได้คลี่ออก กลายมาเป็น Mafia Queen เป็นพระแม่แห่งนครโสเภณี ผู้ที่คอยปกป้องและรักษาสิทธิของหญิงที่วรรณะต่ำที่สุดของอินเดีย เป็นผู้ที่พยายามทำให้อาชีพโสเภณีถูกกฎหมาย รูปภาพของเธอถูกวางไว้บนหิ้งในห้องของโสเภณี และทั่วเมือง Kamathipura และเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคนั้น

ที่มาภาพ : Youtube

“ด้วยอำนาจแห่งคุณงามความดี ขอสรรพสัตว์จงไปสู่การรู้แจ้ง

ขอจงกำราบศัตรูหมู่มารและความชั่วร้ายให้หมดสิ้น

จากคลื่นพายุโหมกระหน่ำแห่งการเกิด แก่ เจ็บและ ตาย

จากมหาสมุทรวัฏสงสารอันกว้างใหญ่ ข้าขอปลดปล่อยสรรพสัตว์ทั้งปวง”