![](https://www.vajrasiddha.com/wp-content/uploads/2022/08/297279995_3299981956951198_5541356403542169403_n-1024x1024.jpg)
Embracing the Internal Conflicts :โอบกอดความขัดแย้งภายใน เพื่ออิสรภาพและการเติบโตทางจิตวิญญาณ กับ ณัฐฬส วังวิญญู และ สมพล ชัยสิริโรจน์
2-4 กันยายน 2565
ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 3 วันเข้มข้นต่อเนื่อง
9.00-17.00 น.
ณ วัชรสิทธา เทเวศร์
รับจำนวนจำกัด 20 ท่านเท่านั้น!
ลงทะเบียนเรียน 4,850 บาท
สมาชิกกิจกรรมวัชรสิทธา ลด 10% เหลือ 4,365 บาท
หมายเหตุ เรียนในพื้นที่จริง ไม่มีฟังย้อนหลัง
ในยุคนี้เราจะพบว่าจิตแพทย์หลายคนหันมาสนใจการฝึกสมาธิภาวนา ส่วนชาวพุทธก็หันมาสนใจจิตวิทยากันมากขึ้น ทั้งสององค์ความรู้ต่างแสวงหาอิสรภาพจากความทุกข์ แต่มีหนทางหรือวิธีการไปให้ถึงเป้าหมายนี้ต่างกัน
จิตวิทยานั้นให้ความเข้าใจ “ที่มาหรือต้นตอ” ของความทุกข์ทางใจที่มีผลสืบเนื่องมาจากบาดแผลทางจิตใจในวัยเด็ก หรือวัยรุ่น รวมทั้งปัจจัยทางวัฒนธรรมและสังคม ในขณะที่พุทธศาสนาให้ช่องทางและแนวทางการฝึกฝนเพื่อเข้าถึงความดีงามพื้นฐาน ความตื่นรู้และอิสรภาพภายในได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
ดังที่บรูซ ทิฟท์ ธรรมาจารย์สายวัชรยานและจิตแพทย์ชาวอเมริกันได้เสนอว่า หากเราเรียนรู้ที่จะใช้แนวทางของทั้งสองสายมาประกอบกัน มันจะช่วยให้เรา
เข้าถึงความมั่งคั่งหลากหลายของประสบการณ์การมีชีวิต ไม่ว่าจะที่มาก่อกวนเราหรือล่อลวงให้เพลิดเพลินได้อย่างเข้าใจสมบูรณ์มากขึ้น
กระบวนการภาวนาเพื่อการเข้าใจตัวเองเพื่อไปให้ถึงอิสรภาพ ความมั่นคงและความจริงแท้ที่กว้างใหญ่ไพศาลขึ้นนั้นจำต้องอาศัยการเข้าไปทำงานกับชีวิตภายในด้านต่างๆ ทั้งด้านที่เป็นกรงกรอบที่คุมครอบเราไว้และจำกัดศักยภาพและความเป็นไปได้ที่หลากหลายในชีวิตไว้ไม่ให้มีชีวิตอย่างที่เราปรารถนา อีกทั้งยังส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัวให้มีความขัดแย้งในระดับต่างๆ ทั้งๆที่ไม่มีใครปรารถนาหรือตั้งใจจะให้เกิด
ต่อเมื่อเราสามารถมองเห็นและเข้าใจตัวตนภายในตัวเองที่มีแตกต่างหลากหลายแล้วเราจึงจะมี “ทางเลือก” ในการเป็นคนที่มากขึ้น ในทางตรงข้าม หากเราปฏิเสธที่จะมองหรือทำความเข้าใจกับด้านต่างๆในตัวเอง โดยเฉพาะด้านที่เราไม่ขอบหรือเป็นด้านที่เราปฏิเสธในตัวเอง เราก็อาจจะถูกอิทธิพล “มืด” ของด้านเหล่านี้ครอบงำมากยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ลุกลามไปจนถึงการพิพากษาตัดสินคนอื่นที่มีด้านที่เราไม่ยอมรับในตัวเอง
“Everyone carries a shadow, and the less it is embodied in the individual’s conscious life, the blacker and denser it is. At all counts, it forms an unconscious snag, thwarting our most well-meant intentions.”
– Carl Jung
ตลอดสามวันของการ “โอบกอดความขัดแย้งภายใน” จะเป็นการทำงานกับโลกภายในของตัวเอง ผ่านกระบวนการของการภาวนาและการสนทนากับเสียงด้านใน ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจขั้วขัดแย้งต่างๆในตัวเอง ทั้งที่เรารับรู้และไม่รับรู้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่ว่าจะแปรเปลี่ยนให้เป็นศักยภาพและความกระจ่างชัดของการฟังเสียงภายในได้อย่างลึกซึ้ง
วิทยากร
![](https://www.vajrasiddha.com/wp-content/uploads/2022/08/sompol.jpg)
อ.สมพล ชัยสิริโรจน์
“ประสบกร” ผู้ที่มาด้วยประสบการณ์ของการทำงานกับ “เสียงภายใน” มาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี อย่างที่เรียกว่า “เอาชีวิตเข้าแลก”
อ. สมพลได้ไปเรียนกับปรมาจารย์ต้นสาย ดร. ฮัลและซิคร้า สโตน และ ทามาร์ สโตน ครูอาวุโสในวิชา Voice Dialogue ที่เป็นการพัฒนากระบวนการทางจิตวิทยาในสายของคาร์ล ยุง ที่สหรัฐอเมริกา ในการทำความเข้าใจกับตัวเอง และความสัมพันธ์ผ่านจิตวิทยาตัวตน และการสนทนากับเสียงภายใน
![](https://www.vajrasiddha.com/wp-content/uploads/2022/08/nuttarot.jpg)
ณัฐฬส วังวิญญู
ผู้สอนการภาวนาและข้าม “ขอบ” เขตข้อจำกัดของชีวิตผ่านกระบวนการจิตวิทยาภายในตัวเองและภายในกลุ่มผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Process Work โดยมีที่มาจากงานของคาร์ล ยุง เช่นกัน เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้จัดการกับความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกตัวเราได้มากขึ้น